Pregnancy Essentials

เนื่องจากช่วงนี้คนรู้จักของ Admin ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ติดเชื้อไข้หวัดจากลูกสาวคนโต ที่ติดจากเพื่อนที่โรงเรียนอนุบาลจึงไปหาข้อมูลการดูแลรักษา ก็เลยถือโอกาส เอาข้อมูลที่แปลมาแชร์ค่ะ :)

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ยิ่งมีสภาวะโลกร้อน สภาพอากาศที่แปรปรวน ผิดที่ผิดทาง โดยปกติสภาพอากาศทางธรรมชาติจะมีหน้าที่เป็นตัวสร้างสมดุลของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างจุลชีพในแต่ละพื้นที่ให้ลงตัว เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณเพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่างๆดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งเมื่อโลกร้อนขึ้นจากภาวะเรือนกระจกเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของในแต่ละพื้นที่ให้แปรผันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เชื้อโรคก็ฟุ้งสิค่ะแบบนี้ 
ยกตัวอย่างเช่น ไข้หวัด ที่ช่วงนี้เด็กเล็กๆเป็นกันบ่อยมาก แล้วเจ้าไวรัสเชื้อหวัดนี้มันก็เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งบ้านไหนคุณแม่กำลังมีน้องคนที่ 2 แล้วยังนอนเตียงเดียวกับน้องคนแรกอีกด้วยยิ่งต้องระวังตัวกันเข้าไปใหญ่นะค่ะ

วันนี้ Admin จะมาอธิบายว่าทำไมคุณแม่ต้องยิ่งดูแลตัวเองเป็นพิเศษช่วงที่กำลังตั้งครรภ์นะค่ะ

จากบทความ Flu during pregnancy ของ babycenter.com
Flu หรือ Influenza คือ ไข้หวัดใหญ่ เจ้าเชื้อไข้หวัดนี้ไม่มียารักษาที่แน่นอนนะจ๊ะ เพราะมันคือเชื้อไวรัส ซึ่งการแพร่กระจาย และ การแผลงฤทธิ์ จะไม่เหมือนเชื้อแบคทีเรียนะจ๊ะ จึงทำให้การรักษานั้นจะไม่ขึ้นกับยาเหมือนเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ แต่พระเอกในการรักษาเชื้อหวัดจริงๆนั้นคือภูมิคุ้มกันในร่างกายของคน ยาก็มีส่วนช่วย แต่จะช่วยในเรื่องของการทำให้เชื้อโรคอ่อนแอลงในระดับหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเข้าไปกำจัดนะค่ะ
คำถามคือ? 
Is the flu especially dangerous for pregnant women? 
เชื้อไข้หวัดอันตรายมากเป็นพิเศษกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือไม่
คำตอบคือ เป็นมาก เพราะช่วงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดลง ทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่เปราะบางมากสำหรับคุณแม่กำลังตั้งท้อง และไข้หวัดนั้นจะดับเบิ้ลความแรงทันที่เมื่อคนท้องเป็นไข้หวัด ยิ่งถ้าติดเชื้อจะยิ่งร้ายแรงกว่าคนปกติ อาทิ โรคปอดบวมที่ตามมา (pneumonia) ไม่เพียงแค่นั้นคนท้องที่ติดเชื้อไข้หวัดจะมีโอกาสเจอกับปัญหาที่ส่งผลถึงลูกน้อยในท้องอีกเช่นกัน ซึ่งรวมถึง การคลอดก่อนกำหนด
แน่นอนว่าคนที่กำลังเป็นแม่ส่วนใหญ่เมื่อเป็นไข้หวัดจะไม่ค่อยเป็นอะไร แต่ในทางสถิติ ผลข้างเคียงจากไข้หวัดจะอันตรายมากขึ้นเมื่อคุณมีอายุครรภ์ที่มากขึ้น
What symptoms should I watch for?
ฉันควรสังเกตุอาการอย่างไร
อาการโดยทั่วไปของไข้หวัดจะเริ่มจาก ตัวร้อนขึ้นมีไข้ ปวดตามตัว และความเมื่อยล้าผิดปกติ ตามมาด้วยอาการของโรคหวัด เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอ ไอ หนาวสั่น รวมไปถึง ท้องเสีย และ การอาเจียน อีกด้วย

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เมื่อคุณเจอกับอาการเหล่านี้ 1-2 อาการที่สัมพันธ์กันที่ Admin กำลังจะกล่าวต่อไปด้านล่าง Admin แนะนำให้ไปปรึกษาหมอทันทีนะค่ะ
หายใจลำบาก หรือหายใจถี่ขึ้น
น้ำมูกมีมูกเลือดผสมออกมา
รู้สีกเจ็บหรือแน่นอก หรือช่องท้อง
วิงเวียนศีรษะโดยทันที หรือ เกิดอาการมึนและสับสน
อาเจียนโดยไม่มีสาเหตุติดต่อกัน
คุณแม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของลูกน้อยในท้อง
ไข้ขึ้นสูงและไม่ตอบสนองต่อยาอะซีตะมิโนเฟน (acetaminophen) คือ ทานยาพารา (Paracetamol) แล้วไข้ไม่ลดลง 
What should I do if I feel like I'm getting the flu?
ฉันควรทำอย่างไรถ้าฉันรู้สึกว่าฉันกำลังเป็นไข้หวัด
ถ้าคุณมีอาการอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น สิ่งที่ควรทำคือ อยู่บ้าน ลดจำนวนคนที่คุณควรติดต่อให้น้อยเท่าที่จำเป็น โทรหาหมอของคุณ ให้หมดของคุณตัดสินใจว่าคุณควรเข้ามาแอดมินเพื่อติดตามอาการเพื่อการรักษาหรือไม่ ซึ่งการทดสอบจะรวมถึงการเคลียร์โพรงจมูก (Nasal swab) ซึ่งควรทำช่วง 4 วันแรกหลังจากคุณเป็นไข้จะดีที่สุด หรือถ้าคุณอยู่บ้านคนเดียว ให้คนใกล้ตัวของคุณดูแลคุณ ไม่ต้องใกล้ชิดมาก แต่ดูบ่อยๆ
ถ้าคุณแม่ได้มีการสัมผัส หรืออยู่ใกล้คนที่เป็นไข้หวัด ให้ติดต่อหมอทันที เพื่อที่จะได้หาทางรักษา หรือลดโอกาสการเป็นโรคไข้หวัดลงได้อย่างทันท่วงที และโปรดจำไว้คนที่เป็นไข้หวัดนั้น สามารถเป็นพาหะได้ตั้งแต่วันที่คนๆนั้นยังไม่แสดงอาการจนไปถึง 1 สัปดาห์หลังจากที่คนๆนั้นป่วยด้วยโรคไข้หวัด
How should I treat the flu when I'm pregnant?
ฉันควรรักษาไข้หวัดอย่างไร ถ้าตอนนี้ฉันกำลังตั้งครรภ์อยู่
ให้รีบรักษาอาการของไข้ก่อนทันที โดยสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ให้ทานยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อลดไข้ ดื่มน้ำเยอะๆ
แพทย์ของคุณจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าคุณควรทานยาต้านไวรัส (Antiviral drug) หรือไม่
ซึ่งยาต้านไวรัส (Antiviral drug) ที่หมอจะสั่งมาให้ตามความเหมาะสมนั้นจะแบ่งออกเป็น ยาเม็ด ยาน้ำ และยาพ่น ที่เมื่อบริโภคเข้าไป ตัวยาชนิดนี้จะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในร่างกายคุณ ซึ่งยาแบบนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็วและบรรเทาอาการต่างๆที่คุณกำลังเป็นอยู่ลง 
ยาต้านไวรัส (Antiviral drug) จะทำงานได้ดีที่สุด เมื่อเริ่มทานหลังจากที่คุณแสดงอาการ 2 วัน แต่ยากลุ่มนี้จะให้กับกลุ่มคนที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงเท่านั้น เช่นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ถึงแม้ว่าจะให้หลัง 48 ชั่วโมงก็ตาม
ข้อมูลในเรื่องของผลข้างเคียงที่อาจจะส่งผลต้องมารดาและลูกน้อยในครรภ์มียังมีไม่ค่อยมาก แต่ยังไม่มีรายงานในเรื่องของผลข้างเคียงร้ายแรงจากยาต้านไวรัส
How can I avoid catching the flu?
ฉันจะหลีกเลี่ยงการติดเชื้ออย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ยิ่งถ้าเป็นหน้าเชื้อไข้หวัดระบาดยิ่งต้องระวัง ทางที่ดีรีบไปรับวัคชีนของเชื้อไข้หวัดตัวนั้นๆที่กำลังระบาดในขณะนั้น อาจจะใช้เวลาสักพัก ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากรับวัคซีนที่ให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคุณทำงาน 
Bonus: คุณยังช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณจากไข้หวัดเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนหลังจากคลอดอีกด้วย 
ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงล้างมือทันทีหลังจากรับประทานอาหารทุกมื้อ หลังจากจาม และหลังจากเสร็จกิจธุระไม่ว่าจะเบาหรือหนัก และไม่ว่าคุณจะใช้ห้องน้ำที่บ้านหรือสาธารณะ ทำตามขั้นตอนการล้างมือที่ถูกวิธีให้ครบอย่างน้อย 20 วินาที และล้างน้ำให้สะอาด ให้น้ำผ่านเยอะๆ ถ้าไม่มีน้ำและสบู่ ให้ซื้อเบบี้ไวพ์ (Baby wipe) ติดตัว หรือเจลล้างมือ แบบสูตรมีแอลกอฮอร์อย่างน้อย 60%
ห้ามใช้มือเปล่าปิดปากเวลาจาม เพราะจะทำให้คุณสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ ให้กระดาษทิชชู่ ไม่แนะนำผ้าเช็ดหน้า ถ้าคุณแม่ไม่มี ให้ใช้แขนเสื้อจากแขนของคุณเนี่ยแหละปิดปาก ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านแนะนำวิธีแขนเสื้อมากกว่าทิชชู่ เพราะการส่งต่อทิชชู่ให้แก่กันก็เป็นวิธีแพร่เชื้ออย่างหนึ่งเช่นกัน แต่ถ้าถึงคราวจำเป็นที่คุณต้องใช้มือเปล่าปิดปากขณะไอ จาม ฯลฯ ให้รีบล้างมือทันที
ห้ามสัมผัสตา จมูก ปากของคุณ คุณอาจจะคิดว่ามือของคุณสะอาด แต่ถ้าคุณเอามือไปจับลูกบิดหรือกลอนประตู แก้วน้ำ ด้ามจับตู้เย็น หรือสิ่งอื่นๆที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น แล้วหนึ่งในนั้นมีผู้ป่วยไข้หวัด คุณอาจจะติดมาจากการสัมผัสและอาจติดเชื้อได้ 
ไวรัส และ แบคทีเรีย สามารถมีชีวิตอยู่ได้ 2-8 ชั่วโมง เมื่อสัมผัสกับสิ่งของ หรือสิ่งไม่มีชีวิต ทางที่ดีควรเช็ดทำความสะอาดสิ่งสัมผัสในบ้านเช่น ของเล่น ข้างเตียง โต๊ะ กลอนประตู โทรศัพท์ ชั้นวาง เคาน์เตอร์ โต๊ะทั้งในห้องน้ำและห้องครัว ด้วยน้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ โดยทำตามวิธีในฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ และอยู่ห่างๆทุกคนที่ป่วยไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในบ้านนะค่ะ
เครดิต แหล่งข้อมูล - เว็บไซต์ http://www.babycenter.com/
รูปภาพ - www.medicalnewstoday.com
แปลโดย - Admin ของ Mommyinshape
เนื่องจากAdmin แปลมาเป็นสำนวนของ admin เอง ขอสงวนสิทธ์ในบทแปลนี้และถ้าท่านไหนสนใจแชร์ต่อ ขอความกรุณาเครดิต Mommyinshape ด้วยนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ :)