พัฒนาการลูกน้อย -

ควรเริ่มอาหารเด็กเมื่อไร เด็กเริ่มอาหารเมื่อไหร่ดี

ควรเริ่มอาหารให้สมวัย

 

ควรเริ่มให้อาหารเมื่อทารกมีวัยเหมาะสม คือ เมื่อนมแม่อย่างเดียวไม่พอเพียงต่อการเจริญเติบโตของทารก และทารกมีความพร้อมที่จะรับอาหารอื่นนอกจากนมได้ คือเมื่อระบบทางเดินอาหาร ไต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้พัฒนาจนสามารถทําหน้าที่พร้อมแล้ว

 

ความพร้อมของระบบทางเดินอาหารทารกแรกเกิดจะมี extrusion reflex โดยทารกจะห่อปากเอาลิ้นดุนอาหารออกมาเมื่อได้รับอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว เมื่อทารกอายุ 4-6 เดือน extrusion reflex ของลิ้นจะหายไป ทารกจะสามารถใช้ลิ้นตวัดอาหารลงสู่ลําคอ และกลืนอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวได้น้ำย่อยที่สําคัญในการย่อยแป้ง คือ amylase (อะมิเลส) จากตับอ่อน มีระดับต่ำในทารกแรกเกิดจนกระทั่งอายุประมาณ 6 เดือน นอกจากนี้ น้ำย่อย lipase (ไลเปส) จากตับอ่อน เกลือน้ำดี (bile salt) และน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของทารกยังมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เมื่อทารกอายุประมาณ 4-5 เดือน กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดและน้ำย่อย pepsin (เปปซิน) มากขึ้น ตับอ่อนจะหลั่งน้ำย่อย amylase และ lipase เพิ่มขึ้นด้วย

 

นอกจากความพร้อมทางด้านการกลืนการย่อยและดูดซึมสารอาหารแล้วการให้อาหารอื่นนอกจากนมแม่แก่ทารกอายุน้อยยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้เพราะโปรตีนและสารโมเลกุลใหญ่สามารถดูดซึมผ่านผนังลําไส้เล็กของทารกซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทําให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้

 

ความพร้อมของไตควรเริ่มอาหารตามวัยสําหรับทารกเมื่อไตสามารถขับถ่ายของเสียและทําให้ปัสสาวะเข้มข้นได้มากพอเพื่อ ให้สามารถขับถ่าย renalsolute load ได้แก่ ยูเรียและโซเดียมได้ดีทารกแรกเกิดมีอัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate,GFR) ประมาณร้อยละ 15 ของผู้ใหญ่ และเพิ่มขึ้นเป็นลําดับคือร้อยละ 60 เมื่ออายุ 6 เดือน และเท่ากับผู้ใหญ่เมื่ออายุ 2 ปี ความสามารถในการทําให้ปัสสาวะเข้มข้นของทารกแรกเกิดมีเพียงร้อยละ 50-60 ของ ผู้ใหญ่ เมื่ออายุ 2-3 เดือน สามารถทําให้ปัสสาวะเข้มข้นได้ 1,000 มิลลิออสโมล/ลิตร และเมื่ออายุประมาณ1ปี จะได้ 1,100 มิลลิออสโมล/ลิตร เมื่ออายุ2 ปี สามารถทําปัสสาวะ ให้เข้มข้นได้สูงสุดถึง 1,400 มิลลิออสโมล/ลิตร เท่าในผู้ใหญ่ไตของทารกแรกเกิดยังไม่สามารถขับถ่ายยูเรียและฟอสฟอรัสทาง ปัสสาวะได้ดีดังนั้นถ้าทารกได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูงมากเกินไป จะทําให้เกิดภาวะยูเรียในเลือดสูง (uremia) และเลือดเป็นกรดได้ 10

 

ความพร้อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อทารกอายุ 4-6 เดือน มีความพร้อมในการกินอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวทารกสามารถควบคุมการทรงตัวของ ศีรษะและลําตัวได้ดีเริ่มใช้มือคว้าของเข้าปากได้ extrusion reflex ของลิ้นลดลง ทารกแสดงกิริยายอมรับอาหารเมื่อหิวหรือปฏิเสธอาหารเมื่ออิ่มได้จึงช่วยป้องกันการให้อาหารมากเกินไปซึ่งจะทําให้เกิดโรคอ้วน

 

เมื่อพิจารณาความพร้อมของระบบต่างๆ แล้ว จึงแนะนําให้เริ่มอาหารตามวัยสําหรับทารก เมื่อทารกอายุประมาณ 6 เดือน เพื่อฝึกให้ทารกรู้จักอาหารอื่นนอกจากนม และฝึกทักษะในการกลืนอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ทารกกินอาหารทดแทนนมได้ 1 มื้อเมื่ออายุครบ 6เดือน

 

แต่ในกรณีที่การเจริญเติบโตของทารกมีแนวโน้มลดลง (น้ำหนักตัวเพิ่มน้อยหรือไม่เพิ่ม)หรือไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างเต็มที่ อาจให้อาหารตามวัยสําหรับทารกก่อนอายุ 6 เดือนได้แต่ไม่ก่อนอายุ 4 เดือน และให้นมแม่ต่อเนื่องถึงอายุ 2 ปี

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

 

คูมืออาหารตามวัยสําหรับทารกและเด็กเล็ก โครงการส.ส.ส.

 

 

อาหารเสริมหนูน้อยทำได้ง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิดนะจ้ะ 

เมนูง่ายวันนี้ 

"pota carro puree"

ระยะเวลาเตรียมการ 10 นาที ,ระยะเวลาทำอาหาร 20 นาที

สำหรับเด็กวัย 6-12 เดือน

เตรียมสำหรับ 3-6 มื้อ

สิ่งที่ต้องเตรียม :  มันฝรั่ง 1 หัว , เบบี้เเครอท 500 กรัม , หอมหัวใหญ่ 1 หัวเเนะนำเป็นออร์เเกนิค หรือ ปลอดสาร เท่านั้น หั่นเเครอท มันฝรั่่ง เเละ หัวหอมใหญ่ ออกเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ

ขั้นตอนทำอาหาร :นำมันฝรั่งใส่เครื่องนึ่งชั้นล่าง (เพราะสุกยากกว่า)เเครอทกับหอมใหญ่ใส่เครื่องนึ่งชั้นบน > กดปุ่มไปที่โหมดนึ่งเลือกเวลาซัก 10 นาที > เมื่อผักสุกเเล้วก็นำใส่เครื่องปั่นได้เลย ใส่น้ำซุปผักที่ได้จากตอนนึ่งลงไปด้วย > ปั่นจนได้ที่ให้เนื้อละเอียดสวยงาม > พร้อมเสริฟ  

 

Tip :หัวหอมใหญ่ช่วยให้ความหวานโดยธรรมชาติเเละช่วยป้องกันโรคหวัดควรเริ่มให้น้องทานผักสีส้มหรือสีเหลืองก่อน เช่น มันฝรั่ง เเครอท ฟักทอง เป็นต้น เพราะระบบย่อยของลูกน้อยจะสามารถย่อยผักสีเหลืองหรือสีส้มได้ดีกว่าผักสีอื่น