Health/สุขภาพ RSS
6 ผลไม้ ช่วยลูกท้องผูก (3-6ปี)
6 ผลไม้ ช่วยลูกท้องผูก (3-6ปี) แย่แล้ว แย่แล้ว ถ้าเกิดว่าลูกเกิดมีอาการท้องผูกจะทำอย่างไรดีนะ แม่ๆ หลายคนอาจจะเคยประสบพบเจอปัญหาลูกน้อยมีอาการท้องผูก ซึ่งนั่นจะทำให้ลูกน้อยนั้นมีอาการไม่สบายตัว ไม่สบายท้อง งอแง ยิ่งเด็กเล็กๆ แล้วยิ่งจัดการกับปัญหาเหล่านี้ลำบาก และยิ่งเป็นเด็กแล้วเนี่ย ยิ่งรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยด้วย ทำให้พวกเขานั้นท้องผูกได้ง่าย ถ้าชวนลูกน้อยกินผักไม่ได้ ก็ลองทำอาหารจัดผลไม้เหล่านี้ให้แก้ไปก่อนนะคะ วันนี้เรามีตัวช่วยดีๆ สำหรับการแก้ปัญหาลูกท้องผูกมาฝากกันค่ะ สำหรับลูกน้อยที่มีอายุ 3-6 ปี ขึ้นไปนะคะ ถ้าลูกๆ มีอาการท้องผูกลองให้ลูกๆ ทานผลไม้เหล่านี้นะคะ ช่วยได้ค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าผลไม้อะไรที่จะช่วยให้ลูกหายท้องผูก1. น้ำส้มคั้นสดๆ ใส่เกลือเล็กน้อย แนะนำให้เป็นน้ำส้มคั้นที่คั้นมาจากผลส้มสดๆ โดยการคั้นเองของคุณแม่นะคะ ผสมเนื้อส้มลงไปด้วยเล็กน้อย ให้มีรสสัมผัสที่ดีขึ้น คั้นน้ำส้มสดให้ลูกน้อยดื่ม 1 แก้ว ก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหาร จะไปช่วยในเรื่องการย่อยอาหารนั่นเองค่ะ2. มะละกอสุก และกล้วยสุก ผลไม้นี้ใช้ทานเป็นผลไม้หลังมื้ออาหารเย็น จัดให้ลูกน้อยทานได้ประจำวันไปเลยค่ะ เพราะเป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายทุกฤดูกาล แถมยังเป็นรสหวาน ทานง่าย จัดให้ทานหลังมื้ออาหารเย็นแทนการทานขนมหวาน หรือน้ำอัดลมไปเลยค่ะ3. น้ำมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ อาจจะใช้น้ำมะเขือเทศแบบกล่องก็ได้นะคะ เพราะถ้าคั้นเอง อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็ก ให้ดื่มวันละ 1 แก้วในมื้อเช้า ถ้าลูกน้อยดื่มไม่ไหว ให้ทำการผสมกับน้ำสับปะรด หรือน้ำส้มลงไป จะช่วยให้ดื่มง่ายขึ้นค่ะ4. ฟักทองนึ่ง ฟักทองย่าง เมนูที่เกี่ยวกับฟักทอง สามารถจัดให้ลูกน้อยได้ 1 มื้อต่อวันเลยก็ได้ เพราะฟักทองนั้นมีกากใยเยอะ ช่วยในเรื่องการขับถ่าย สามารถหมุนเวียนเมนูไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ5. ผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก ผลไม้เหล่านี้สามารถหาให้ลูกน้อยมาทานเล่นได้ เป็นมื้อว่าง มื้อทานเล่นในแต่ละวัน ช่วยเพิ่มกากใยอาหารให้แก่ลูกน้อย6. ลูกพรุน จะทานเป็นผลไม้ หรือจะทานเป็นน้ำผลไม้ก็ได้ ถ้าเป็นแบบน้ำให้ดื่มก่อนเข้านอน ทำให้ระบบขับถ่ายในช่วงเช้าดีขึ้น โล่งขึ้น เชื่อว่าหลายบ้านนั้นต้องเจอปัญหาลูกน้องท้องผูก เพราะลูกน้อยเลือกกิน ไม่ยอมกินผัก และยิ่งไปกว่านั้น...
7 เมนูต้านโควิด กินเมนูเหล่านี้เสริมภูมิคุ้มกันโควิดได้นะ
7 เมนูต้านโควิด กินเมนูเหล่านี้เสริมภูมิคุ้มกันโควิดได้นะ เชื่อว่าหลายคนนั้นคงจะเริ่มชินกับเจ้าโควิดตัวร้ายนี้แล้ว แต่คำว่าชินในที่นี้ไม่ใช่การปล่อยปะละเลย แต่เพียงเพราะเราใช้เวลาอยู่กับมันมานานเกินไป จนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องคุ้นชินกันไปแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เวลาที่มีคนติดโควิดเราจะต้องตื่นตระหนกกันมากมาย แต่ตอนนี้เวลามีคนติดโควิด เราก็จะมีความรู้ความเข้าใจ และรู้จักวิธีการรับมือนั้นมากขึ้น ทำให้เราลดความวิตกกังวลลงได้ไม่น้อยเลย แต่ก็อย่างว่า เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันนานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ แต่กว่าที่มันจะหายไปคงใช้เวลานาน หากเราต้องอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้แล้ว อะไรที่ป้องกันตัวเองได้ ก็น่าจะดีกว่า เมื่อเราป้องกันตัวเองได้ เราก็จะคลายความกังวลลงไปได้บ้าง จากที่เสี่ยงมากๆ ก็อาจจะเสี่ยงน้อยลง และทางเราก็มีอีกหนึ่งวิธีในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโควิดมาฝากกัน นั่นก็คือ เมนูต้านโควิด เพราะเรานั้นสามารถรับสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านโควิดเข้าไปได้ทุกๆ วัน และยิ่งเป็นการทำอาหารทานเองที่บ้านยิ่งดีเข้าไปอีก สามารถทำเมนูต่างๆ ได้อย่างอิสระเลยเรามาดูกันดีกว่า ว่า 7 เมนูนั้นมีอะไรบ้าง ที่ทานแล้ว ช่วยต้านโควิดได้1. ไข่ยัดไส้ ที่มีมะเขือเทศ และแครอท หากทานมะเขือเทศ และแครอท ได้ 1/2 ทัพพี จะได้รับวิตามินซี 42 เปอร์เซ็นต์ และวิตามินเอ 43 เปอร์เซ็นต์2. ต้มเลือดหมู โดยถ้ากินผักกาดหอม ได้ 1/2 ทัพพี ตับหมู 1 ช้อนโต๊ะ เลือดหมู 1 ชิ้นและหมูสับ 1 ช้อนโต๊ะ จะได้รับ ธาตุเหล็ก 45 เปอร์เซ็นต์3. ต้มยำปลาทู โดยใส่มะเขือเทศ และน้ำมะนาวด้วย จะได้วิตามินซี 42 เปอร์เซ็นต์4. ต้มจืดตำลึงเต้าหู้ไข่ ให้ใส่แครอทลงไปด้วย 1/2 ทัพพี ตำลึง 2 ทัพพี จะได้วิตามินเอ 42 เปอร์เซ็นต์5. ปลาทับทิมนึ่งขิง จะได้วิตามินดี 20 เปอร์เซ็นต์6. ปลาผัดเปรี้ยวหวาน ให้มีมะเขือเทศ...
แม่ท้องมือใหม่ ดูแลตัวเองอย่างไร
แม่ท้องมือใหม่ ย่อมกังวลกับท้องแรก จะดูแลสุขภาพอย่างไร อยากสวยอยากเฟิร์มในช่วงตั้งครรภ์แต่ไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง และอีกสารพัดเรื่องกังวลสำหรับแม่ท้องมือใหม่ พญ. เมสิตา สุขสมานวงศ์ สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์มารดา และทารกในครรภ์ จึงมีคำตอบคลายข้อสงสัย พร้อมแนะวิธีดูแลตัวเอง และลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรงตลอดช่วงตั้งครรภ์ค่ะเตรียมตัวก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี เรื่องสุขภาพโดยรวมควรเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ เทียบกันแล้วคนที่เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ ย่อมดีกว่าคนที่ตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว วิธีเตรียมตัวก็ง่ายๆ เพียงดูแลให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายบ้าง ทานอาหารที่มีประโยชน์ มีพิเศษคือควรกินโฟเลตบำรุงตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความพิการบางอย่างให้ลูกน้อย ควรตรวจสุขภาพว่าเรามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง และดูว่าเรามีภูมิคุ้มกันหรือได้รับวัคซีนต่างๆ เพียงพอหรือยัง ถ้าตรวจทุกอย่างเรียบร้อยและไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างสบายใจ ส่วนคนที่มีโรคประจำตัวก็ไม่ได้หมายความว่าตั้งครรภ์ไม่ได้นะคะ เพียงแต่ต้องควบคุมโรคให้ดีก่อน ก็จะทำให้การตั้งครรภ์มีความปลอดภัยมากขึ้นค่ะอาหารที่แม่ท้องต้องกิน จริงๆ แล้วแม่ท้องต้องการปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 300 กิโลแคลอรีต่อวันเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเยอะมากอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แม่มักจะคิดว่ากินอะไรให้ลูกโต กินอะไรให้ลูกแข็งแรง กินอะไรให้ลูกฉลาด จริงๆ แล้วทางการแพทย์ไม่ได้บอกว่าต้องกินอะไรกันแน่ เพียงแค่กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ และกินให้หลากหลายก็เพียงพอแล้วค่ะ เช่น วันนี้กินปลา วันพรุ่งนี้กินอกไก่ วันต่อไปกินหมู ลูกก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และหลากหลายตามไปด้วยน้ำมะพร้าว : กินแล้วแท้ง VS กินแล้วลูกผิวสวย คุณแม่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าน้ำมะพร้าวทำให้แท้งง่าย อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าน้ำมะพร้าวทำให้ลูกผิวสวยและไม่มีไขติดตัวตอนคลอด แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ผิดหมดค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีในน้ำมะพร้าวไม่ได้มีส่วนในเรื่องของการแท้ง เพียงแต่คุณแม่ตั้งครรภ์มีฮอร์โมนตัวนี้มากพออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องกินเพิ่ม และไขที่ติดตัวทารกตอนเกิด จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่คลอด ยิ่งคลอดในช่วงอายุครรภ์น้อยยิ่งมีไขเยอะ เพราะฉะนั้นหากคุณแม่อยากกินน้ำมะพร้าวก็กินได้ค่ะ แต่ไม่ควรกินเยอะ เพราะน้ำมะพร้าวมีน้ำตาลสูง กินมากก็อาจทำให้น้ำตาลขึ้นและเป็นเบาหวานหรืออ้วนได้ค่ะแม่ท้องทำน้ำหนักรับขวัญลูกน้อย หมอแนะนำให้คุณแม่ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หากคุณแม่มีน้ำหนักตามมาตรฐานปกติขณะตั้งครรภ์ควรจะมีน้ำหนักเพิ่มโดยรวมคือ 12-18 กิโลกรัม แต่หากคุณแม่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานอยู่แล้ว แนะนำว่าในระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรมีน้ำหนักเพิ่มเพียง...
เรื่องของเต้านมคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอด
บางทีคุณแม่หลายท่านอาจจะกำลังกังวลเกี่ยวกับเต้านมที่มี ลักษณะเปลี่ยนไปหลังจากคลอดน้อง วันนี้ Admin เลยนำบทความเกี่ยวกับเรื่องของเต้านมคุณแม่มาฝากเพื่อเป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ เต้านมจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ช่วงตั้งครรภ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเต้านม และจะมีเปลี่ยนแปลงไปอีกเมื่อมีการให้นมลูก แล้วในท้ายสุดหากคุณแม่หยุดให้นมลูกเต้านมจะเป็นอย่างไรนั้น เรามาดูคำถามต่างๆที่อยู่ในใจ คุณแม่กันดีกว่า 1. ขนาดและรูปทรงเต้านมจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ช่วงระหว่างตั้งครรภ์และให้นมลูกนั้น โดยเฉลี่ยแล้วคุณแม่ส่วนมากทรวงอกจะใหญ่ขึ้น 2 คัพ หลังจากคลอดแล้วประมาณ 1 ปี ทรวงอกของคุณแม่จะกลับมามีขนาดประมาณเท่าเดิม แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับความแตกต่างในคุณแม่แต่ละคน ส่วนของรูปทรงและ ความเต่งตึงนั้นส่วนใหญ่จะไม่กลับมาเท่าเดิมเหมือนก่อนตั้งครรภ์ 2. สีของหัวนมจะเป็นอย่างไร สีของหัวนมอาจจะไม่ขนาด กลับไปเป็นสีเดิมก่อนตั้งครรภ์ แต่จะค่อยๆจางลง ไม่คล้ำเท่าช่วงตั้งครรภ์ 3. วิธีปฎิบัติที่จะให้เต้านมกลับไปใกล้เคียงกับทรงเดิม เวลาที่คุณแม่พาลูกออกไปเดินเล่น ก็สามารถปฎิบัติตน เพื่อให้เต้านมกลับมากระชับได้เช่นเดิมได้ โดยเริ่มด้วยการเดินด้วยท่วงท่า ที่เหมาะสม จะช่วยในการให้เต้านมกลับมากระชับได้เช่นกัน รวมทั้งการรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน เช่น กุยช่ายซึ่งเป็น ผักที่ช่วยคืนความเต่งตึงให้กับผิวหนังได้ 4. การบริหารร่างกายเพื่อกระชับทรวงอก การปรับปรุงท่วงท่าให้เหมาะสมและถูกต้องจะช่วยทำให้ เต้านมที่หย่อนไปแล้ว มีการเสริมสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ การกระชับทรวงอกได้โดยเพียงทำตามข้อแนะนำง่ายๆที่ทำได้ ถึงแม้คุณแม่ไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถปฎิบัติตามได้ ท่าบริหารร่างกายเพื่อทรวงอกกระชับ ท่าที่ 1 เอาฝ่ามือทั้งสองข้างกดลงที่ด้านหน้าของหน้าอก แล้วหายใจออกช้าๆพร้อมกับกดอย่างแรงโดยต้องให้น้ำหนักมือที่กดของแต่ละข้าง ออกแรงเท่าๆกันโดยออกแรงเข้าหาจุดศูนย์กลางค้างไว้ 10-20 วินาที ท่าที่ 2 โน้มตัวไปข้างหน้า ยกดัมเบลขึ้นลง (หากไม่มีดัมเบลจะใช้ขวดน้ำพลาสติกที่ใส่น้ำเอาไว้ข้างในก็ได้) ท่าที่ 3 นั่งลงบนพื้นแล้ววางมือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง เหยียดขาข้างใดข้างหนึ่งออกไปข้างหน้าแล้วพับขาอีกข้างหนึ่งไขว้ไว้ใต้ข้อพับเข่า ของข้างที่เหยียดออกไป พยุงลำตัวส่วนบนด้วยแขนทั้งสองข้าง ปล่อยคอและไหล่ตามสบาย หันหน้าอกขึ้นไปด้านหาเพดาน จากนั้นยกสะโพกเอียงเฉียงไปด้านหน้า งอลำตัวขึ้นไปด้านบนไปพร้อมกับยืดหน้าอก *จำนวนครั้งของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความแข็งแรง โดยหากทำไม่ไหวก็อย่าฝืน ให้ค่อยๆเริ่มจากน้อยไปมาก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจะดีกว่า เพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ และเมื่อเปลี่ยนสถานภาพเป็นคุณแม่ ก็อาจจะรู้สึกไม่สบายใจกับรูปทรงของเต้านมที่เปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงของเต้านมนั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าการเป็น”คุณแม่” จึงอย่าคิดว่าเป็นการ “เสียทรง” แต่ขอให้คิดว่า “เราเป็นแม่คนแล้ว” การที่เต้านมเปลี่ยนรูปทรงไปหลังคลอดนั้นย่อมเกิดขึ้นกับคุณแม่ทุกคน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ไม่ได้เป็นเฉพาะเราเพียงคนเดียว...
Top 5 ... ข้อสงสัยเรื่องนมแม่
No.5 : ให้นมแม่สลับกับนมผงได้ไหม? Answer : ถ้า ถามว่าสลับได้ไหมคงต้องบอกว่าได้ แต่ไม่ดีนักเพราะของแท้กับของเทียมคงเทียบกันไม่ได้นะคะ ผลกระทบเวลาสลับกันที่พบบ่อยคือเรื่องอุจจาระและท้องอืดค่ะ แต่ที่เป็นปัญหาเหมือนวงจรอุบาทว์คือ ยิ่งเสริมยิ่งสลับน้ำนมแม่ก็จะลดน้อยลง แถมยังต้องคำนึงถึงเรื่องอาการสับสนในการดูดถ้าไปใช้ขวดนมหรือป้อนนมชง ทางที่ดีอย่าดีกว่านะคะ แต่ถ้ามีเหตุให้เป็นอย่างนั้นก็บีบน้ำนมให้มีการผลิตน้ำนมอย่างสม่ำเสมอด้วย ค่ะ No.4 : ให้นมแม่แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกอิ่ม? Answer : ถ้าลูกอิ่มก็จะหยุดดูดเอง หรือไม่ก็หลับมือไม้อ่อนผ่อนคลายไป ไม่แสดงอาการต้องการกินอีก ไม่ยอมเปิดปากก็แสดงว่ากินไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ นอก จากนี้ก็คือดูที่น้ำหนักตัวลูกค่ะ หากเพิ่มขึ้นตามปกติ ถ่ายปัสสาวะวันละ 6 ครั้งขึ้นไป ดูสดใส ไม่ซีดเซียวปวกเปียกไม่มีแรงก็ถือว่ากินอิ่มแล้วค่ะ No.3 : ให้ลูกหย่านมแม่เมื่อไหร่ดี? Answer : ขึ้น อยู่กับเหตุและผลเป็นรายๆ ไปนะคะ แต่อย่างน้อยที่สุดควรกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน หลังจากนั้นจะกินนมแม่ร่วมกับอาหารเสริมตามวัยไปได้เรื่อยๆ จนถึง 2 ขวบหรือมากกว่านี้ก็ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแม่ลูกแต่ละคู่ด้วยนะคะ No.2 : ของต้องห้ามของแม่ระหว่างที่ให้นมลูก? Answer : ของ แสลงที่เป็นของต้องห้ามในที่นี้รวมไปถึงของไม่ดีกับสุขภาพอย่าง บุหรี่และแอลกอฮอล์ค่ะ เพราะของสองอย่างนี้ขนาดว่าคนดีๆ ดื่มกินยังแย่เลย ส่วนอาหารหมักดอง อาหารที่มีการใช้สารกันบูดหรือใส่สารเคมีต่างๆ ก็ควรจะห่างๆ ไว้ค่ะ ส่วนอาหารที่ควรเลี่ยง เช่น เปบเปอร์มิ้น อาหารที่ไม่ได้ปรุงให้สุก (ไม่เกี่ยวกับผักสดผลไม้นะคะ) อาหารรสจัดชวนท้องร่วง คาเฟอีน อาหารหรือเครื่องดื่มประเภทนี้หากอยากก็กินก็ได้แต่ควรเลี่ยงได้จะดีที่สุด นะคะ นอกจากนั้นก็ห้ามคิดและทำในสิ่งไม่ดี เพราะจะทำให้จิตใจขุ่นมัวน้ำนมจะน้อยจะแห้งลง คุณแม่ต้องคิดดีทำดีจิตใจจะผ่องใสลูกเห็นหน้าก็ชื่นใจไม่งอแงนะคะ No.1 : ถ้าน้ำนมไม่ไหลหรือน้ำนมน้อยกระตุ้นอย่างไรดี? Answer : เริ่มที่นมแม่ไม่ไหลก่อนนะคะ สาเหตุมักจะเกิดจาก 1.ดูดที่ตื้นเกินไปหรือดูดที่หัวนม คุณ แม่ลองขยับให้ลูกแนบตัวมากขึ้น รอลูกอ้าปากกว้างก่อนแล้วจึงจะจับเต้าเข้าปาก คือจะต้องพาปากลูกมาหาเต้านมแม่ ไม่ใช่พาเต้าแม่ไปใส่ปากลูกนะคะ เพราะจะทำให้แม่ปวดเมื่อยหลังเพราะต้องก้มตัว สำคัญที่ว่าลูกต้องอ้าปากให้กว้าง คางชิดเต้านมแม่ ท้องแม่แนบท้องลูกนะคะ การอุ้มที่แนบชิดและปากลูกอ้ากว้างอมลึกถึงลานนมแม่แบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาหัว นมเจ็บได้ด้วยนะคะ2.แม่เครียด! ก็ เป็นอีกสาเหตุที่มักทำให้กลไกน้ำนมพุ่งหรือน้ำนมไหลหดหายไปโดยปริยายนะคะ เพราะฮอร์โมนรักที่ต้องการกลับถูกความเครียดมาขวางทางไว้...