postpartum tips/หลังคลอด RSS
นมแม่แช่แข็ง เก็บได้นานเพียงใด
นมแม่แช่แข็ง เก็บได้นานเพียงใด ???? "ตอนนี้ลูกอายุ 7 เดือนค่ะ ยังให้ทานนมแม่อยู่ตลอด บางครั้งปั๊มน้ำนมเกินก็เก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ จึงอยากทราบว่าการแช่ตู้เย็นจะลดสารอาหารในน้ำนมได้หรือไม่ และอายุของน้ำนมจะคงอยู่ได้ยาวนานเท่าไหร่ จะมีวันเสียไหมคะ"ขอแสดงความยินดีที่ลูกของคุณแม่กำลังได้กินนมที่ดีที่สุด นั่นคือ นมแม่ ซึ่งมีสารอาหารครบถ้วนและมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ลูกแข็งแรง และมีพัฒนาการทางสมองที่ดีที่สุด 6 เดือนแรกลูกควรกินนมแม่ล้วน ไม่เสริมอย่างอื่นเลยแม้แต่น้ำเปล่า หลังจากหกเดือน จึงเริ่มอาหารตามวัย ควบคู่กับนมแม่ ต่อไปเรื่อยๆ และสามารถให้ได้นานจนฟันแท้มา คือ อายุประมาณ 6-7 ขวบ หรือ จนกว่าน้ำนมแม่จะหมดไปเอง อย่างไรก็ดี หากนมแม่เริ่มลดลง ควรหาวิธีเพิ่มน้ำนมแม่ให้มากขึ้นโดยปรึกษาจากคลินิคนมแม่หรือเว็บไซต์ศูนย์นมแม่ (www.thaibreastfeeding.org) ก่อนที่จะพิจารณาเสริมนมผงไม่มีนมชนิดใดที่จะมีคุณค่าเทียบเท่ากับนมแม่ ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าใดก็ตาม อย่าเชื่อโฆษณาอวดอ้างว่านมเหล่านั้นมีสรรพคุณใกล้เคียงกับนมแม่ ดังนั้นหากคุณแม่ยังมีน้ำนมและยังมีน้ำนมมากเกินกว่าที่ลูกกิน ควรปั๊มนมเพื่อเก็บสะสมไว้ใช้ยามที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องกินนมผงซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้และการเจ็บป่วยบ่อยในอนาคตนักวิจัยพบว่า นมแม่ที่เก็บไว้ในตู้เย็น ถึงแม้ว่าคุณสมบัติจะไม่ดีเท่ากับนมแม่สดใหม่จากเต้าก็ตาม แต่ก็ยังมีคุณสมบัติที่ดีและมีประโยชน์มากกว่านมผงที่ชงใหม่ๆ เพราะยังคงมีเซลเม็ดเลือดขาว สารภูมิคุ้มกัน เอ็นไซม์ ฮอร์โมน สารต้านมะเร็ง ซึ่งยังทำงานได้เป็นอย่างดี และหาไม่ได้ในนมผงทุกยี่ห้อ ระยะเวลาของนมที่เก็บเป็นดังนี้ที่อุณหภูมิ ลบ 20 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 1 ปีที่ช่องแช่แข็งของตู้เย็น 2 ประตู เก็บได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นกับการเปิด-ปิดบ่อยหรือไม่ และมีการเก็บร่วมกับอาหารอื่นหรือไม่ที่ช่องแช่แข็งของตู้เย็นประตูเดียว เก็บได้นาน 1-3 เดือน ขึ้นกับการเปิด-ปิดบ่อยหรือไม่ และมีการเก็บร่วมกับอาหารอื่นหรือไม่ที่ช่องน้ำเย็น ( แต่ไม่ใช่ที่ฝาประตู เนื่องจากจะสูญเสียความเย็นได้ง่าย) เก็บได้นาน 7 วันมีบางกรณีที่ตู้เย็นอาจปิดไม่สนิท หรือ ไฟดับ ทำให้มีปัญหานมละลาย แต่ยังมีความเย็นอยู่ กรณีนี้อายุของนมที่เก็บจะไม่นานเท่าเดิม หากจะใช้นม จะต้องทำการชิมทุกครั้งว่าเปรี้ยวหรือไม่ ถ้าเปรี้ยวหรือไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรนำมาให้ลูกกิน ขอบคุณข้อมูลbreastfeedingthai.com
ท่ากายบริหารเฉพาะบริหารหน้าท้อง
ท่าที่ 1 กล้ามเนื้อท้องรวมท่า เตรียมพร้อม นอนหงายกับพื้น มือประสานไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าเล็กน้อย ยกศีรษะขึ้นในมุมประมาณ 40 องศากับพื้น โดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือควรจะกางออกตึงไว้ แต่ไม่ใช่ห่อ และออกแรงดันศีรษะ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอ คอเคล็ดตามมาได้ง่ายท่าที่ 2 กล้ามเนื้อท้องด้านบนนอนราบกับพื้น ขายกตั้งฉาก (ดังรูป) ใช้ช่วงน่องไขว้กัน เพื่อเพิ่มความหนักเวลายกตัวขึ้น มือประสานกันที่ท้าทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้ท่าที่ 3 กล้ามเนื้อท้องด้านข้างนอนราบกับพื้น โดยยกเข่าข้างซ้ายขึ้นและพับขาขวาแนวนอนขัดกัน มือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านซ้าย และทำท่าเดิม แต่ยกเข่าขวาขึ้นและพับขาซ้ายสลับข้างกันกับตอนแรก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านขวาท่าที่ 4 กล้ามเนื้อท้องน้อยนอน ราบกับพื้น พับขาให้ปลอดภัยบรรจบกัน มือประสานกันรองไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้ง 2 ข้าง โดยมือคอยประคองศีรษะเอาไว้ท่าที่ 5 กล้ามเนื้อท้องส่วนล่างนอนราบกับพื้น ขาเหยียดตรง มือสองข้างวางราบกับพื้น รองใต้สะโพกเพื่อรับน้ำหนักให้ส่วนหลัง เกร็งขาไว้และยกขึ้นตั้งฉาก (ดังรูป) ค้างไว้นับ 1-10 แล้วเหยียดกลับไปท่าเดิมท่าที่ 6 กล้ามเนื้อท้องด้านบนและล่างนอนราบ กับพื้น มือขวารองไว้ที่ท้ายทอยเพื่อพยุงศีรษะ มืออีกข้างเหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายพาดคล้ายท่าไขว่ห้าง ใช้กำลังที่หัวไหล่ขวาและหลังยกตัวเฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแทบจรดเข่าซ้าย ทำท่าเดิม แต่เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นมือและเข่าซ้ายแทนเพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้ามแต่ละท่าควรทำซ้ำท่าละ 20 ครั้ง หากเป็นท่าที่ต้องสลับข้าง ให้ทำข้างละ 20 ครั้ง ใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดหน้าท้องแล้ว ยังช่วยลดปัญหาอาการปวดหลัง ปวดตามตัวได้อีกด้วยขอบคุณที่มา : Health Body Program by ABBOT
ออกกำลังกายลดหน้าท้อง ลดเอว
ออกกำลังกายลดสัดส่วน การ เริ่มออกกำลังกายในระยะแรก ควรเริ่มจากน้อยๆ ก่อน พอทำไปอยู่ตัวสักพัก ค่อยๆ เพิ่มปริมาณไปค่ะ เพื่อให้กล้ามเนื้อค่อยๆ คุ้นกับการออกแรงทีละนิดจนชิน ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำเช่นสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ควรแบ่งเป็น 2 วัน หยุด 1 วัน เพื่อเป็นการพักให้กล้ามเนื้อของเราได้ฟื้นคืนสภาพ ไม่อ่อนล้าโรยแรงจนเกินไป ลดหน้าท้อง - ท่าที่ 1 นอนราบบนพื้น เข่างอและเท้าวางราบกับพื้น มือประสานตรงท้ายทอย ยกตัวขึ้นมาจนหลังแตะพื้นเล็กน้อย วางศอกกลับไปตามเดิม ใช้สองมือโยกศีรษะสองสามครั้ง คลายความตึงของคอ อย่าดึงตัวขึ้นมาด้วยแขนทั้งสองข้างค่ะ เพราะจะโหมใช้แรงที่หลังมากไป - ท่าที่ 2 ปล่อยลำตัวลงราบกับพื้นตามเดิม หายใจออกเวลาขึ้น หายใจเข้าเวลาลง ทำซ้ำ 15-25 ครั้ง ท่าที่ 2 นอนบนพื้น เข่างอ 90 องศา ประสานมือทั้งสองหลังศีรษะ ศอกอยู่บนพื้น บิดเอว ดึงศอกขวาไปจรดเข่าซ้าย พลางยืดขาขวา โดยที่ศอกซ้ายยังอยู่บนพื้นทำ 15-25 ครั้ง เปลี่ยนทำอีกข้างแบบเดียวกัน ลดเอว - ท่าที่ 1 ยืนตรงแยกขาเล็กน้อย มือขวาวางบนสะโพก แขนซ้ายอยู่ข้างลำตัว เอียงตัวไปข้างซ้าย ให้แขนซ้ายลงไปใกล้พื้นที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่โน้มตัวไปทางหน้าหรือหลังมากไป ทำซ้ำ 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนข้าง ทำซ้ำอีก 10 ครั้ง - ท่าที่ 2 วางมือขวาตรงสะโพก ยืดแขนซ้ายออกไปข้างๆ บิดตัวไปทางซ้าย เหวี่ยงแขนซ้ายไปข้างหลัง กลับมาในท่าเดิม ทำซ้ำ 10 ครั้ง เปลี่ยนข้าง ทำซ้ำอีก 10 ครั้ง ฝากการลดสัดส่วนหน้าท้องและลดเอวเล่นไปพลางๆก่อนค่ะ จาก: นิตยสาร Life & Family
เคล็ดลับแก้หน้าท้องหย่อน ย้อย และลายหลังคลอด
เคล็ดลับแก้หน้าท้องหย่อน ย้อย และลายหลังคลอดโดย น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ความสุขจากการรอคอยที่จะได้เห็นหน้าลูก ทำให้แม่ตั้งครรภ์ลืมความกังวลใจเกี่ยวกับตัวเองไปได้ชั่วขณะ แต่หลังจากนั้น พอมีโอกาสไปยืนหน้ากระจก หน้าท้องสวยๆที่แสนภูมิใจ ตอนนี้กลับมีสารพันปัญหาทั้งหน้าท้องหย่อน หน้าท้องย้อย หน้าท้องลายแต่เรื่องราวของหน้าท้องตอนคุณแม่ท้อง ไม่ได้เลวร้ายเป็นอย่างนี้ทุกคนหรอกครับ ถ้าเราดูแลตัวเองดี ปฏิบัติตัวดีเรื่องราวของหน้าท้องก็สามารถจบลงแบบสวยๆ ได้ไม่ยากปกติแล้วหน้าท้องของคุณแม่จะเริ่มโตออกมาให้เห็นเมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน ก่อนหน้านั้นมดลูกก็โตขึ้นทุกวัน แต่ยังไม่โผล่พ้นกระดูกเชิงกรานออกมา ดังนั้นถ้าในสามเดือนแรกหน้าท้องของคุณแม่โตก็แสดงว่าที่โผล่ออกมาไม่ใช่มดลูกหรือลูกในท้อง แต่เป็นไขมันหน้าท้องของคุณแม่เอง เป็นอย่างนี้กันเยอะครับ พอรู้ว่าท้องก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันไม่มียั้ง ที่จริงแล้วในช่วงแรกๆ ลูกต้องการอาหารจากแม่น้อยมากปกติแล้วผู้หญิงแต่ละคนมีโครงสร้างแตกต่างกัน คนสะโพกใหญ่ มดลูกก็จะจมอยู่ในเชิงกรานมากกว่า จะขยายออกไปทางหน้าท้องน้อยกว่า อีกทั้งถ้าตัวสูงใหญ่ด้วย มดลูกก็จะขยายขึ้นไปด้านบนได้มากกว่า หน้าท้องจะถูกยืดขยายไปไม่มาก ส่วนคนสะโพกเล็ก ตัวเล็ก มดลูกจะลอยขึ้นไปเร็ว อีกทั้งโครงสร้างที่เล็กทำให้มดลูกต้องขยายหน้าท้องออกไปทางด้านหน้าเยอะกว่าด้วย ทำให้มีปัญหาหน้าท้องยืดขยายมากกว่าคนตัวใหญ่ ยิ่งถ้าลูกตัวใหญ่ด้วย หนังท้องก็จะยิ่งถูกยืดมากไปกันใหญ่หน้าท้องของผู้หญิงเรา สามารถยืดออกไปได้เหมือนไม่มีขีดจำกัด ขนาดแฝดสามแฝดสี่ยังอยู่ข้างในได้สบายๆ หนังหน้าท้องจะหนาที่สุดทางด้านข้าง และจะบางที่สุดบริเวณรอบสะดือ ผิวหนังรอบสะดือจะถูกขยายกว่าเดิมมากกว่า 9 เท่า จากพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว สะดือจะถูกยืดออกไปเป็น 9 ตารางนิ้ว รอยดำๆภายในรูสะดือก็เลยบานออกมา จึงเห็นเหมือนรอบสะดือดำกว่าปกติ สะดือที่เคยเป็นรูลึกก็จะตื้นขึ้นเรื่อยๆจนแบนราบ ก็ถือเป็นโอกาสดีครับสำหรับคนที่สะดือมีขี้ไคลเยอะๆจะได้ล้างทำความสะอาดซะเลย คนที่อ้วนๆหน้าท้องหนามักมีรูสะดือลึกตามความหนาของหน้าท้อง ถ้าผอมๆหน้าท้องไม่หนาสะดือจะบางๆแบนๆ ยิ่งบางคนสะดือถูกดันโป่งออกมาข้างนอก หัวเราะทีสะดือเด้งเข้าเด้งออก เดินมาก็เห็นสะดือโด่นำมาก่อนเลยล่ะครับคุณแม่ที่หน้าท้องบางๆอาจมีอาการเจ็บๆแสบๆแถวรอบๆสะดือได้ อาการนี้เกิดขึ้นได้ในคุณแม่ที่ชอบก้มๆเงยๆใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องมาก เวลาเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ผิวหนังบริเวณสะดือจะเกร็งตึง แต่เนื่องจากที่สะดือบางกว่าส่วนอื่นๆจึงมักเจ็บมากกว่าที่อื่นๆด้วย ซึ่งถ้ามีอาการเจ็บดังกล่าวให้ลดกิจกรรมลง อาการเจ็บก็จะหายเองครับคุณแม่หลายคนอาจมีอาการถ่วงท้องน้อย ยิ่งเดินมากก็ยิ่งถ่วงมาก นั่นก็เพราะแรงโน้มถ่วงของโลกจะทำให้ผนังหน้าท้องส่วนล่างๆต้องออกแรงอุ้มมากกว่าส่วนอื่นๆ ท้องแรกก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอท้องสองท้องสามผนังหน้าท้องยืดหย่อนยานไปหมดแล้ว ท้องก็จะห้อยยานลงไปที่หน้าขา ยิ่งห้อยลงมามากก็จะยิ่งรู้สึกถ่วงท้องน้อยลง แต่ถ่วงหน้าขามากแทน ถ้ามีอาการถ่วงมากให้ยืนหรือเดินให้น้อยลง พักผ่อนให้มากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องยืน หรือเดินมากก็ควรใส่เข็มขัดพยุงครรภ์ หรือกางเกงชั้นในแบบพยุงครรภ์จะช่วยได้บ้าง อาการเหล่านี้จะหายได้เองในช่วงหลังคลอดท้องลาย เรื่องใหญ่ของหน้าท้อง90 เปอร์เซ็นต์ของคุณแม่จะท้องลาย เรื่องท้องลายก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราก็มีวิธีดูแลตัวเองให้ท้องลายน้อยลง ปกติท้องจะเริ่มลายเมื่ออายุครรภ์ได้ประมาณ 28 สัปดาห์ โดยจะลายมากขึ้นไปเรื่อยๆแล้วก็หยุดตอนประมาณ 32 สัปดาห์ หลัง 32 สัปดาห์ ถ้าหายและไม่ลายก็จะไม่ลายอีก หากลายไปแล้วก็จะไม่ค่อยลายมากขึ้น ดังนั้นช่วงนี้แหละครับที่ต้องสนใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ควรดูแลอาหารการกินให้น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ ถ้าน้ำหนักขึ้นเยอะ หน้าท้องจะขยายตัวมากตามไปด้วย ท้องก็จะลายง่ายพยายามหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน...