Pregnancy Tips/ตั้งครรภ์ RSS

bambigarden, bebon, พัฒนาการลูกน้อย -

กระตุ้นให้ลูกน้อยฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์   ปรับอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ คุณแม่ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอจะทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน (endorphin) ออกมาผ่านไปทางสายสะดือไปยังลูกทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ) ทำให้ลูกออกมาเลี้ยงง่าย     ฟังเพลง อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงาน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น เสียงที่ดีที่ควรใช้ในการกระตุ้นก็คือ เสียงเพลง โดยเฉพาะเพลงที่มีความไพเราะและคุณแม่ชอบฟัง     พูดคุยกับลูก การคุยกับลูกในครรภ์บ่อยๆ จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด     ลูบหน้าท้อง การลูบหน้าท้องจะกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น การลูบท้องควรลูบเป็นวงกลม จะจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน บริเวณไหนก่อนก็ได้     ส่องไฟที่หน้าท้อง ทารกในครรภ์สามารถกระพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟที่กระตุ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นมีพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นภายหลังคลอด     ออกกำลังกาย เวลาคุณแม่ออกกำลังกาย ลูกในครรภ์จะขยับเคลื่อนไหวตามไปด้วย ผิวกายของลูกจะไปกระแทกกับผนังด้านในของมดลูก ผลของการกระทำนี้ จะกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น     เลือกรับประทานอาหาร สมองลูกน้อยมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 60 และกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้างโพด   #กระตุ้นลูกให้ฉลาด   #ฉลาดตั้งแต่ในครรภ์   #วิธีทำให้ลูกฉลาด   #บำรุงลูกให้ฉลาด  #เด็กฉลาด   #อยากให้ลูกฉลาด  #bebon  #หูฟังกระตุ้นพัฒนาการ   #หูฟังสำหรับลูกในครรภ์  #เปิดเพลงให้ลูกในครรภ์ฟัง  

Read more

ตั้งครรภ์ -

  เลือกแพจเกจคลอดอย่างไร สบายใจ ไม่เกินงบทำความเข้าใจกับแพคเกจคลอดแพคเกจคลอดของโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ รวมถึงรัฐบาลบางที่ ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่มาคลอด โดยไม่เกี่ยวกับการฝากครรภ์ ไม่รวมค่ารักษาบุตร ซึ่งเงื่อนไขต่างจากแตกต่างกันไปตามนโยบานของโรงพยาบาลนั้นๆ แต่บางโรงพยาบาลอาจจะรวมค่าบุตรเข้าไปด้วย กรณีรวมค่าบุตรต้องเป็นเด็กที่คลอดเเล้วสุขภาพเเข็งแรงปกติดี ถ้าคลอดออกมามีภาวะเเทรกซ้อนจะออกจากแพคเกจทันที่   คุณแม่ที่มาคลอดก็เช่นกันในระหว่างคลอดหากมีภาวะแทรกซ้อน ก็จะออกนอกแพคเกจคิดเป็นราคาค่ารักษาตามจริงเช่นกัน นี่เป็นอีกกลยุทธทางการตลาดของแต่ละโรงพยาบาลเพื่อเรียกลูกค้านั่นเอง คุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะไม่สะดวกที่จะคลอดกับโรงพยาบาลที่กำลังฝากครรภ์อยู่ด้วย และกำลังหาข้อมูลแพคเกจคลอด สิ่งที่คุณแม่ต้องไตร่ตรองเพื่อประกอบการตัดสินใจมีดังนี้1.ราคาของเเพคเกจ คุณพ่อคุณแม่ต้องปรึกษากันให้ดีเพราะคลอดโรงพยาบาลเอกชน ราคาค่อนข้างสูง การคลอดแบบธรรมชาติราคาจะถูกกว่าเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว  ราคาแพคเกจ มีขนาดของห้องให้เลือกด้วย หากต้องการประหยัดงบ อาจจะเลือกห้องคู่ หรือห้องพิเศษเดี่ยวธรรมดา เพราะห้องพิเศษวีไอพี ราคาก็สูงตามไปด้วยค่ะ  สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้มากพอไม่ซีเรียสกับราคา ก็ต้องดูการบริการ ความสะดวกสบาย ความสะอาดร่วมด้วยค่ะ2.วิธีการคลอด สำหรับคุณแม่ที่สุขภาพดี การคลอดธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดี ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ด้วย ราคาถูกกว่าด้วย  ราคาแพคเกจคลอดธรรมชาติ ถูกกว่า แพคเกจผ่าตัดคลอด 1-2 หมื่นบาท3.การรักษาหรือบริการเสริมที่จะได้รับ ในแพคเกจ เช่น    การสอนให้นมลูกจนสามารถทำได้คล่อง    โยคะทารก นวดทารก สปาทารก    การสอนอาบน้ำเด็กและลองปฏิบัติจริง    การตรวจการได้ยินก่อนกลับบ้าน    การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดก่อนกลับบ้าน    ตรวจกรุ๊ปเลือด    วัคซีนมาตฐานหลังคลอดของลูก ได้แก่ บีซีจี (วัคซีนป้องกันวัณโรค) วิตามินเค ฉัดเด็กหลังคลอดภายใน2ชั่วโมง วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ต้องได้รับ ก่อนกลับบ้านคุณแม่ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ทางโรงพยาบาลมีให้มากน้อยแค่ไหนกี่รายการ4.ของขวัญจากทางโรงพยาบาล ถึงจะไม่มาก แต่ก็ควรจะดูไว้นะคะเพราะบางโรงพยาบาลมีให้ครบโดยที่คุณแม่ไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายอีก เช่น    กรอบพร้อมรูปแรกคลอด    กรอปรูป+ปั๊มรอบเท้าเมื่อแรกคลอด    คลิปวีดีโอขณะคลอด    ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เช่น สบู่ โลชั่น แป้ง    กิ๊บเซ็ดชุดของลูก 1-2 ชุด ผ้าอ้ม  ผ้าอ้อมสำเร็จรูป    ถุงเก็บน้ำนม    ขวดนม ถ้วยป้อนนม    ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก น้ำยาปรับผ้านุ่มคุณแม่ลองดูดีๆนะคะ บางโรงพยาบาลมีให้ในแพคเกจจริงๆค่ะ จะมากหรือน้อยแตกต่างกันไปค่ะ อย่างน้อยต้องได้รับ 2 – 3  รายการค่ะ ใช้ได้หลายสัปดาห์ประหยัดงบได้จริงๆค่ะ5.การเลือกแพทย์      บางโรงพยาบาลคุณแม่สามารถเลือกแพทย์ของลูก ( กุมารแพทย์ ) ซึ่งจะเป็นคนดูแลลูกของคุณแม่ตั้งแต่วินาทีแรกที่คลอด จนถึงวันจำหน่ายกลับบ้าน โรงพยาบาลเอกชน จะมีกุมารแพทย์มารับเด็กในขณะคลอด...

Read more

ตั้งครรภ์ -

8 ท่าฟิตกายบริหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และฟิตแอนด์เฟิร์มกันตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์มี ความยืดหยุ่น และพร้อมสำหรับการคลอด ที่สำคัญการเตรียมร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา พอหลังคลอดลูกแล้วยังช่วยให้ร่างกายกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย แต่การออกกำลังกายก็ไม่ได้เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ในทุกๆ ราย เพราะต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกายแต่ละคนด้วย ที่สำคัญในรายที่มีอาการแทรกซ้อนทางสุขภาพ เช่น เลือดออกง่าย, ภาวะแท้งคุกคาม ฯลฯ ก็ไม่ควรที่จะออกกำลังกาย และควรอยู่ในการดูแลจากคุณหมออย่างใกล้ชิด ...การจะออกกำลังไม่ใช่ว่าจะเล่นได้ในทันที จะต้องขึ้นอยู่กับคุณหมอที่ดูแลครรภ์ด้วยว่าสมควรที่จะออกกำลังได้หรือไม่ในช่วงระหว่างที่ตั้งครรภ์ ประโยชน์จากการออกกำลังกาย หรือการเล่นกายบริหารเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงตั้งครรภ์ จะช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดอาการปวดหลัง ปวดสะโพก อาการตะคริว รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น อารมณ์แจ่มใส เป็นต้น คุณแม่ท้องที่อยากขยับแข้ง ขยับขา ระหว่างวัน ลองมาดูท่ากายบริหารง่ายๆ ทั้ง 8 ท่านี้ดูค่ะ เผื่อช่วยให้คุณแม่หายปวด หายเมื่อยแขน ขากันนะคะ   1.ท่า Leg Raising         ให้คุณแม่นอนหงายบนเสื่อโยคะ หรือจะเป็นบนเตียงนอนก็ได้ เมื่อนอนหงายในลักษณะที่สบายแล้ว ให้ชันเข่าขึ้น 1 ข้าง ยกขาอีกข้างขึ้นให้เข่าเหยียดตรง พร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้น ทำสลับกันทั้งสองข้าง ให้นับข้างละ 1-10  2.ท่า Cross Leg         คุณแม่ยัง นอนหงายอยู่เหมือนเดิมค่ะ ชันเข่าขึ้น 1 ข้าง โดยวางเท้าไว้ที่ด้านนอกของเข้าข้างที่วางราบกับพื้น ใช้มือด้านตรงข้ามกดเข่าลงให้ติดพื้น ทำสลับกันทั้งสองข้าง ให้นับข้างละ 1-10  3.ท่า Trunk Rolling         คุณแม่นอนหงาย แล้วชันขึ้นทั้ง 2 ข้างแบบไขว่ห้างบิดตัว ให้ทำสลับขาไปมา    4.ท่า Pelvic Exercise         คุณแม่เปลี่ยมานอนท่าตะแคงซ้าย จากนั้นให้งอเข่าทั้ง 2 ข้าง แล้วเหยียดขาขวาไปด้านหลัง ให้เชิงกรานตึง ทำเปลี่ยนสลับขามาทางขวา ให้นับข้างละ 1-10 5.ท่า Quadriceps Setting         คุณแม่นอนหงาย เหยียดขาทั้งสองข้างให้ตรง แล้วใช้หมอนใบเล็กๆรองใต้เข่า เตะขาให้ขึ้นตรง...

Read more

อาหารตั้งครรภ์ -

ช่วงที่ตั้งครรภ์อาหารการกิน โภชนาการของแม่ท้องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ เพราะสิ่งที่แม่กินทุกอย่างมีผลต่อเจ้าตัวน้อยทารกในครรภ์ไปด้วย หลักการกินหรือโภชนาการของแม่ท้องนั้น จริงๆ แล้วกินได้แทบจะเกือบเหมือนในยามปกติ แต่ควรจะเป็นอาหารที่มีประโยชน์ให้สารอาหารครบถ้วน ที่สำคัญคือความสะอาด และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือมีสารพิษตกค้างเรามาดูกันค่ะว่าอาหาร 9 ชนิด แนะนำให้คุณแม่ควรเลี่ยงไม่ควรกินในช่วงตั้งครรภ์ เพราะเสี่ยงกับการติดเชื้อ ไม่สะอาด มีอะไรบ้าง1. ปลาทะเลน้ำลึก : ถึงแม้ปลาจะมีสารอาหาร มีโอเมก้าสูง ช่วยบำรุงสมองลูกน้อยในครรภ์ แต่คุณแม่ควรเลี่ยงปลาทะเลน้ำลึก เช่น ฉลาม ปลาดาบเงิน เพราะปลาจากทะเลน้ำลึกมีความเสี่ยงกับสารปรอทตกค้าง2. ปลาดิบ : ปลาดิบหรือซาชิมิ ซูชิ เหตุผลที่ควรเลี่ยงเช่นเดียวกันกับปลาทะเลน้ำลึก เพราะปลาส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล ดังนั้นควรเลือกชนิดปลา และปริมาณให้เหมาะสมทิปส์ – แม่ตั้งครรภ์ควรเลือกกินปลาน้ำจืดแทน หรือจำกัดปริมาณปลาทะเล อาหารทะเลเพียง 360 กรัม (12 ออนซ์) ต่อสัปดาห์ ซึ่งปลาทะเลควรเลือกเป็น ปลาแซลมอน กุ้ง ปลาพอลแล็คสด สะอาด จากแหล่งที่เชื่อถือได้3. น้ำผลไม้ข้างทาง : น้ำ ผลไม้มีประโยน์แต่ถ้าแหล่งที่มา และกระบวนการคั้น การทำไม่สะอาด ก็อาจจะเกิดอาการท้องร่วงได้ค่ะ ทางที่ดีเลือกผลไม้สดมาล้างทำความสะอาด และคั้นเองที่บ้านค่ะ4. สลัดบาร์ : เพราะ เราไม่รู้ว่าผัก ผลไม้ หรือ แฮม เบคอน ฯลฯ ที่วางอยู่ในถาดสลัดบาร์จะสด สะอาดขนาดไหน ดังนั้นซื้อผักสลัดที่บรรจุในถุงเชื่อถือได้ หรือ ผักสดๆ มาล้างทำความสะอาดกินเองสบายใจที่สุดค่ะ5. ส่วนผสมเค้กก่อนอบ : คุณ แม่ทำขนมหลายคนก่อนอบขนมอาจจะมีชิมส่วนผสมเค้กที่ยังไม่ได้อบกันบ้าง แต่ถ้าตั้งครรภ์แล้วขอห้ามค่ะ เพราะเสี่ยงกับการติดเชื้อจากแบคทีเรีย Salmonella ซึ่งทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบได้6. หอย : เน้นว่าเป็นหอยดิบๆ อย่างเช่น หอยนางรม มีความเสี่ยงกับแบคทีเรียวิบริโอ (Vibrio Bacteria) แนะนำว่าถ้าอยากกินต้องทำให้สุกก่อนกินค่ะ7. ส้มตำ ปู ปลาร้า : อาหาร ประจำชาติขาดไม่ได้ของคุณแม่หลายคน ถ้าห้ามใจยากขอแนะนำว่า ทำทุกอย่างให้สุก สะอาดค่ะ ต้มปู ต้มปลาร้าให้สุก...

Read more

pregnancy, การดูแลครรภ์ -

8 เคล็ดไม่ลับดูแลสุขภาพขณะท้อง1.อาหารการกินเริ่มรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ (โดยเลือกรับประทานผักและผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์และหากเลือกแบบปลอดสารพิษและออแกนิกส์ได้จะเป็นการดีที่สุด), ใช้เวลาสักนิดในการเลือกรับประทานเพราะสิ่งที่คุณแม่รับประทานนั้นเป็นอาหารของทารกน้อยในครรภ์ด้วยเนื้อสัตว์จะเป็นกลุ่มอาหารที่มีปริมาณสารพิษมากที่สุดเนื่องจากอยู่สูงสุดในห่วโซ่อาหาร หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็ง รับประทานโปรตีน แคลเซียม ใยอาหาร และกรดโฟลิก หากต้องทานวิตามินสังเคราะห์ให้รับประทานตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะคะ2.การดื่มน้ำให้ดื่มน้ำสะอาดเช่นน้ำต้มหรือน้ำกรองแล้ว – เลิกดื่มน้ำจากขวดพลาสติก หันมาดื่มน้ำด้วยแก้วหรือสเตนเลสเนื่องจากขวดพลาสติกส่วนใหญ่ 99% ปนเปื้อนด้วยสารพิษจากโรงงานผลิตและมีสารก่อมะเร็ง BPA ทารกน้อยมีมวลที่เล็กกว่าผู้ใหญ่มากดังนั้นการรับสารพิษในปริมาณเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆใน้่รางกายน้อยๆได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังลดภาวะโลกร้อนเพื่อโลกที่น่าอยู่ในอนาคตของทารกน้อยด้วยค่ะ3. บรรยากาศควรหาบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ สงบ ร่มรื่นเพื่อพักผ่อนจิตใจและหายใจรับเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุด เพื่อการทำงานที่ดีของระบบต่างๆในร่างกายของทารกน้อยในครรภ์ – หลีกเลี่ยงบรรยากาศเครียด กดดันและอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ เช่น ที่สาธาณะที่มีคนพรุกพร่าน ห้างสรรพสินค้า ริมถนนที่มีรถและก๊าซพิษคุณแม่สามารถสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้ง่ายๆโดยหามุมสบายในบ้าน มีอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดเพลงบรรเลงฟังเบาๆ พร้อมกับลูบไล้บริเวณท้องของเราเพื่อสื่อถึงความรักให้ลูกน้อยในครรภ์รับรู้4. การเข้าครัวหลีกเลี่ยงการใช้ไมโครเวฟ ภาชนะพลาสติกเกรดต่ำ การยืนอยู่หน้าเตาแก็สเนื่องจากเวลาใช้งานจะมีสารระเหยเข้าสู่ร่างกาย หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีต่างๆ เช่น น้ำยาเช็ดครัว น้ำยาเช็ดเตา น้ำยาล้างพื้น พวกนี้มีสารพิษในระดับสูงเมื่อซึมผ่านผิวหนังหรือหายใจเข้าไปก็ส่งตรงไปยังลูกน้อยในครรภ์เช่นกัน5. เครื่องสำอางค์ลดและเลิกใช้เครื่องสำอางค์ที่มีอยู่ก่อนตั้งครรภ์ลด - การใช้ครีมบำรุงต่างๆ เมคอัพ เนื่องจากมีสารเคมี และสารพิษ ที่สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าไปถึงทารกน้อยเลิก - หยุดใช้เครื่องสำอางค์ที่มีสารเคมีอันตราย เช่น สารระเหยประเภท ทินเนอร์ หรือ เคมีบางตัวที่สามารถทำให้ทารกน้อยในครรภ์พิการได้ เป็นการยากที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ การเลิกใช้เป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทารกหากจำเป็นควรเลือกที่เป็นส่วนผสมธรรมชาติหรือออแกนิกส์6. สารเคมีในบ้านและยาฆ่าแมลงห้ามใช้และห้ามอยู่ในบริเวณที่มีการใช้อย่างเด็ดขาด7. การใช้แรงงานงดการออกแรง แบกหาม การปีนป่ายที่สูง ยกของหนัก การทำกิิจกรรมที่เสี่ยงต่อตนเองและลูกในครรภ์8. การเดินทางหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่อันตราย การเดินทางไกลยามครรภ์แก่ การขับรถ การขึ้นมอเตอร์ไซต์ การข้ามถนน การอยู่ในที่แออัดแปลและรวบรวมโดย :admin/ www.bambigarden.com

Read more